ภารกิจสานต่อปณิธาน 90 ปี ของลูกเขยในการต่อยอดตำนาน ‘ขาวละออ’ ด้วยมุมมองจากคนนอกครอบครัว

ภารกิจสานต่อปณิธาน 90 ปี ของลูกเขยในการต่อยอดตำนาน ‘ขาวละออ’ ด้วยมุมมองจากคนนอกครอบครัว

ทำที่บ้าน

การกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 100 ปี นับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่การก้าวเข้าไปในฐานะ ‘ลูกเขย’ อาจเป็นเรื่องที่ยากกว่า ท่ามกลางความคาดหวัง การเปรียบเทียบ พื้นที่ที่จำกัด นี่คือเรื่องราวของ เรย์-กฤตภาส สุทธา ลูกเขยรุ่น 4 ที่แม้ไม่ได้เกิดในในตระกูล ‘ขาวละออเภสัช’ แต่ขอนำความสามารถและมุมมองในฐานะคนนอกเข้ามาพลิกธุรกิจสมุนไพรดั้งเดิมให้ก้าวไปไกลมากยิ่งขึ้น

หมอหลงจากพระธุดงค์สู่ขาวละออ

ธุรกิจครอบครัวของ ‘ขาวละออเภสัช’ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 90 ปีที่แล้ว จากคุณทวด ‘หมอหลง ขาวละออ’ ที่มองเห็นปัญหาของการแพทย์ในสมัยนั้นที่ยังไม่เข้าถึงคนไทย บวกกับระหว่างที่หมอหลงบวช ได้มีโอกาสออกธุดงค์ไปตามพื้นที่ต่างๆ ก็ได้มีโอกาสเรียนรู้และรวบรวมตำรับยาต่างๆ ไปช่วยเหลือผู้คน จนในท้ายที่สุดได้เกิดเป็นตำรับยาของตัวเองภายใต้ชื่อ ‘ขาวละออ’ 

ขาวละออ เกิดจากวิธีคิดที่เรียบง่ายของหมอหลงว่า “ต้องการทำยาที่มีคุณภาพเหมือนกับที่ทำให้คนในครอบครัวได้ทาน” และวิธีคิดนี้เองก็เป็นสิ่งที่เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของแบรนด์มาถึงปัจจุบัน

จากหมอหลงสู่ลุงขาวไขอาชีพ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ขาวละออเป็นที่รู้จัก

ยุคที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ขาวละออเป็นที่รู้จัก คือในยุคของ ‘ลูกเขย’ นั่นคือลุงขาว-วราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ ที่ได้นำวิธีคิดและแนวการขายใหม่ๆ เข้ามาในธุรกิจ และแนวทางที่เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของการขายเลยนั่นคือ ‘ฉายหนังขายยา’

นั่นคือการนำกองคาราวานหนังไปฉายตามต่างจังหวัดและเมื่อหนังดำเนินถึงฉากสำคัญ ก็จะหยุดฉาย เพื่อแนะนำสินค้าและขายก่อน ผู้ชมที่อยากดูต่อก็ต้องช่วยกันอุดหนุน แต่สิ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการเดินทางทั่วประเทศของลุงขาวคือ องค์ความรู้ของคนพื้นที่ในแต่ละแห่งที่ไป ซึ่งทุกครั้งที่ลุงขาวไปฉายหนังในพื้นที่ไหนก็จะนำองค์ความรู้เหล่านี้ไปแลกเปลี่ยนด้วยเสมอ จนเกิดเป็นตำนาน ‘ลุงขาวไขอาชีพ’ ที่เป็นพื้นที่ในการสอนคนประกอบอาชีพแบบฟรีๆ 

ลุงขาวไขอาชีพ เป็นที่รู้จักมากจนถึงขนาดที่ได้ต่อยอดเป็นรายการที่วี 'รายการลุงขาวไขอาชีพ' ออกอากาศทางช่อง 4 บางขุนพรหม เลยทีเดียว

ต่อยอดด้วยวิทยาศาสตร์ในมือรุ่น 3

หลังจากยุคของลุงขาวที่ทุ่มเทให้กับการทำเพื่อสังคมอย่างหนัก แต่ขาวละออเองก็เจอจุดเปลี่ยนในช่วงท้ายของยุคลุงขาวคือขาวละออไม่ได้ขายดีเหมือนก่อน และคนที่เข้ามากอบกู้ธุรกิจคือรุ่นที่ 3 อย่างคุณวัชรพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ ที่เข้ามาทำงานในขาวละออตั้งแต่อายุยังน้อย 

ซึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณวัชรพงษ์พาธุรกิจฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง คือแนวคิดใหม่ด้วยการนำ ‘วิทยาศาสตร์’ มาจับกับสมุนไพรโบราณ

“คุณพ่อเขามาทำใหม่ เขาก็เอาแพทย์แผนโบราณเนี่ย มาจับกับวิทยาศาสตร์แทน แทนที่จะไปจับกับไสยศาสตร์ของรัฐศาสตร์”

แทนที่จะพึ่งพิงความเชื่อ คุณพ่อตาหันไปให้ความสำคัญกับงานวิจัย การวิเคราะห์สารสำคัญ และสร้างนวัตกรรม ยุคนี้เองที่ขาวละออได้สร้างความน่าเชื่อถืออย่างสูงสุด คว้ารางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อย. Quality Award ถึง 6 สมัย รางวัลสิ่งประดิษฐ์นานาชาติจากกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากผลิตภัณฑ์ ‘ขาวละออ เมาท์ เจล’ (Khaolaor Mouth Gel) รวมถึงรางวัลที่ภาคภูมิใจที่สุดคือรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่น ที่เป็นเหมือนการต่อยอดเจตนารมณ์ของลุงขาวอีกด้วย

ความใฝ่ฝันของคุณย่า ทำให้รุ่น 4 และลูกเขยเข้ามาในธุรกิจ

ทายาทรุ่นที่ 4 ‘พญ. เพชรไพลิน พงษ์บริบูรณ์’ ภรรยาของคุณเรย์ เธอคือคุณหมอที่เดิมไม่คิดจะกลับมาทำธุรกิจครอบครัวเลย แต่มีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในวันที่คุณย่าบุญเรือน  (รุ่นที่ 2) ท่านได้เรียกภรรยาของคุณเรย์ไปคุยเป็นการส่วนตัว

“เนี่ยย่าไม่เป็นห่วงใครเลย... ลูกหลานมีงานมีการทำหมดแล้ว สิ่งที่ย่ายังติดใจอยู่แล้วห่วงมีแค่เรื่องเดียวเลยก็คือ ขาวละออยังไม่มีทายาท อยากให้เพชรกลับมาช่วย”

นี่คือคำขอที่คุณเรย์และภรรยาเลือกทำเพื่อคุณย่า

ในปี 2014 ขณะที่ภรรยาต้องใช้เวลา 1 ปีในการเคลียร์งานที่โรงพยาบาล คุณเรย์ ซึ่งในตอนนั้นตั้งใจจะเป็นนักลงทุนและพ่อบ้าน ก็ตัดสินใจก้าวเข้าไปในขาวละออก่อน

เส้นทางสู่การเป็น ‘ลูกเขย’ กับบทพิสูจน์ความรักออนไลน์

ก่อนที่จะเล่าถึงบทบาทของคุณเรย์ในฐานะลูกเขยขอแวะพักสักนิดถึงเส้นทางชีวิตของคุณเรย์ที่มาบรรจบกัน คุณเรย์เติบโตมาด้วยแนวคิดที่อาจจะแตกต่างกับคนทั่วไปสักนิด เพราะหลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างที่เพื่อนๆ เลือกเข้าไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย คุณเรย์ตัดสินใจเลือกออกมาทำงานควบคู่ไปกับเรียนมหาวิทยาเปิด เพราะเขาเชื่อว่ากว่าเพื่อนๆ จะเรียนจบ 4 ปี เขาก็เรียนจบ 4 ปีเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือเขาจะมีอายุงานแล้ว 4 ปี

คุณเรย์เป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่กล้องดิจิทัลเพิ่งเข้ามาในยุคแรก เขาก็ฝึกฝนการถ่ายรูป การจัดไฟ ด้วยตัวเองจากอินเทอร์เน็ต และเปิดร้านถ่ายรูปของตัวเอง หรืออินเทอร์เน็ตที่เข้ามาใหม่ๆ และในช่วงนี้เองก็เป็นจุดที่ทำให้คุณเรย์ได้พบกับภรรยา

คุณเรย์ได้พบกับภรรยาผ่านทางกระดานแชทชื่อดังในสมัยนั้นอย่าง Thai ICQ ที่ได้แลกอีเมลกันมาตั้งแต่วันนั้น และคุยกันผ่านอีเมลนานกว่า 4 ปี แบบไม่เคยพบหน้ากัน ไม่รู้ว่าเธอเรียนแพทย์ ไม่รู้ว่าเธอคือทายาทขาวละออ จนเขาได้นัดพบกับเธอและคบกันนานกว่า 9 ปี จนคุณเรย์ได้แต่งงานกับเธอ

เส้นทางอาชีพหลักที่เขาวางไว้คือการเป็น "นักลงทุน" แผนชีวิตเดิมที่เขาวางไว้ก่อนที่คุณย่าจะฝากฝังภรรยา คือการที่ภรรยาเป็นหมอไป ส่วนเขาจะเป็น "พ่อบ้านนักลงทุน” ทำงานของตัวเอง และไปส่งลูกที่โรงเรียน แต่คำขอของคุณย่าก็พาคุณเรย์เข้ามาในขาวละออ

บทพิสูจน์ของลูกเขย

คุณเรย์ก้าวเข้ามาในธุรกิจพร้อมกับคำเตือนที่ได้ยินมาตลอดว่า “เป็นลูกเขยต้องอยู่เงียบๆ” เขาจึงเริ่มต้นในตำแหน่ง "พนักงานทั่วไป"

“ผมก็ถือว่าผมมาแล้วผมมาจากศูนย์นะ ผมก็ไปบอกบอกพ่อตาว่าผมขอเรียนรู้ก่อนได้ไหม” 

แต่ด้วยความเป็นคนที่สนใจสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ คุณเรย์ได้มองเห็นโอกาสที่เข้ามาอย่าง Lazada และรู้สึกว่านี่คือช่องทางใหม่ที่จะช่วยสร้างยอดขายให้ขาวละออได้ เขาตัดสินใจเดินเข้าไปที่ออฟฟิศ Lazada ในวันที่ยังไม่มีใครรู้จักแบบทุกวันนี้

“สิ่งที่ผมเห็นคือ เป็นออฟฟิศเล็กๆ ที่ธรรมดามาก แต่พนักงานทุกคนแอคทีฟ และตั้งใจทำงานกันมากๆ ทุกคนมี Notebook คนละเครื่อง ซึ่งขาวละออใช้ Desktop ทุกเครื่อง ทุกคน Desktop ผมก็ยังมาขายไอเดียกับขาวละอออยู่เลยว่าเราเอาแบบนี้ไหม ซึ่งคำตอบคือไม่ต้องการใครเอาทรัพย์สินบริษัทกลับบ้าน ( คุณเรย์พูดติดตลก )”

เขาเห็นอนาคตและกลับมาเปิดร้านค้าออนไลน์ทันที เดือนแรกทำยอดขายได้ 5,000 บาท ซึ่งตอนนั้นเงินเดือนของคุณเรย์คือ 15,000 บาท วันนั้น แต่ผมทำรายได้ให้บริษัท 5,000 บาทแล้ว แสดงว่าบริษัทจ่ายผมแค่หมื่นเดียว และจาก 5,000 บาท ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็น 15,000, 30,000, 50,000 จนจบปีแรกก็แตะเดือนละหนึ่งล้านบาท และพุ่งทะยานไปจนถึงจุดพีคที่สุดเกือบ 5 ล้านบาทต่อเดือน

เริ่มสร้างพื้นที่ของตัวเอง

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงธุรกิจครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย และในฐานะของลูกเขยเองยิ่งมีข้อจำกัด คุณเรย์จึงเลือกที่จะเริ่มสร้าง ‘พื้นที่’ ของตัวเองขึ้นเพื่อให้มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการขึ้น แต่ก็ยังเกื้อกูลกับขาวละอออยู่ด้วยการเป็นเหมือน Distributor ของขาวละออ รับสินค้าจากขาวละออมาจำหน่าย เมื่อขายได้มาก ขาวละออก็เติบโตตามไปเช่นกัน รวมถึงการบริหารทีมที่สามารถออกแบบวัฒนธรรมการทำงานในรูปแบบของตัวเองได้ 

“ผมก็จะบอกว่าทำงานกับผมอ่ะต้องสนุก ถ้าไม่สนุกอ่ะให้เอากลับมาคุย ผมขอแค่นี้เลย ถ้าเราจะใช้แนวทางของรุ่นก่อนที่อาจจะดูตึงเครียด เราก็ไม่สามารถสร้างคอนเทนต์ที่สนุกได้ เพราะทีมงานเราเองยังไม่มีความสุขเลย”

ผลลัพธ์คือทีมงานที่อยู่กับเขามา 8-9 ปีโดยแทบไม่มีใครลาออก และคนที่ลาออกไปแล้ว 2 คน ก็ยังขอกลับมาทำงานด้วยเหตุผลข้อนี้

ฝากถึงคนทำธุรกิจครอบครัว

ปัจจุบัน คุณเรย์ยังคงทำงานในตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายการตลาดของขาวละออ ควบคู่ไปกับการบริหารบริษัทของตัวเอง แต่สิ่งที่คุณเรย์อยากแนะนำในการทำธุรกิจครอบครัวคือ ‘หา "Winning Zone ของตัวเองให้เจอ” โดยเลือกจาก 3 เรื่องหลักคือ ความเก่ง ความชอบ และโอกาส และสิ่งที่คุณเรย์แนะนำทิ้งท้ายเอาไว้คือ การกลับมาทำธุรกิจครอบครัว เราควรมี Side Business เอาไว้ด้วยเพื่อเป็นเวทีในการพิสูจน์ตัวเองกับคนในครอบครัว

“หากเรามีสิ่งนี้ ใครก็จะตั้งคำถามกับเราไม่ได้ ว่าเราเก่งจริงไหม ทำได้จริงหรือเปล่า คุณมานั่งตรงนี้ได้เพราะความสามารถหรือเพราะบารมีของพ่อตาคุณหรือเปล่า”